คุยกับเหล่าซือ NPP Chinese Home กลับมาแล้วค่ะ ครั้งนี้เราจะพาไปพูดคุยกับเหล่าซืออีกหนึ่งคนของ NPP Chinese Home ซึ่งก็คือเหล่าซืออายนั่นเองค่ะ นักเรียนหลาย ๆ คนอาจจะคุ้นหน้าคุ้นตา โดยเฉพาะคนที่กำลังเรียน HSK4 อยู่ เราจะพาไปพูดคุยเกี่ยวกับมุมมองในการเรียนการสอนภาษาจีนของเหล่าซืออายว่าเป็นยังไง เทคนิคในการเรียน ประสบการณ์ของการเป็นคนที่เรียนภาษาจีน แล้วก็กลายมาเป็นคนสอน เราไปทำความรู้จักกับเหล่าซืออายกันค่ะ
แนะนำตัวหน่อยค่ะ
สวัสดีค่ะ เหล่าซือชื่อเหล่าซืออายนะคะ หรือว่าหลี่หยวนเหล่าซือนั่นเอง นักเรียนหลายคนอาจจะคุ้นกับเหล่าซือนะคะเพราะว่าเหล่าซือเนี่ยจะสอนในรายวิชา HSK4 แล้วก็พูดจีน301 ประโยค แล้วก็ถ้าเป็นคลาสเรียนสดก็มี PAT7.4 ซึ่งเป็นความถนัดทางภาษาจีนค่ะ
เหล่าซือเรียนจบจากที่ไหนคะ
เหล่าซือเรียนจบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชนครินทร์ คณะครุศาสตร์โดยตรงเลย เรียนทั้งหมด 5 ปี สาขาการสอนภาษาจีน ซึ่งก็จะมีแลกเปลี่ยนด้วย เหล่าซือได้มีโอกาสไปเรียนที่ประเทศจีนเป็นเวลา 1 ปี มหาวิทยาลัยที่ประเทศจีนชื่อมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มณฑลกว่างซี
เริ่มต้นเรียนภาษาจีนได้ยังไง ตอนไหน
เริ่มเรียนภาษาจีนเลย เริ่มต้นตอนเรียนม.ปลายที่โรงเรียน โรงเรียนประจำอำเภอนี่แหละ แล้วเรารู้สึกว่าตอนนั้นเนี่ยจะมีความถนัดภาษาจีนมากกว่าภาษาอื่น พูดง่าย ๆ ก็คือสามารถเรียนภาษาจีนได้ดีกว่าภาษาอื่นนี่แหละแล้วก็เลยมองว่าอนาคตภาษาจีนสำคัญและมีความจำเป็นแน่นอน ต้องได้ใช้แน่นอน ก็เลยเลือกที่จะเรียนภาษาจีนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ตอนม.4-ม.6 ก็ยังไม่ได้เคร่งมาก แต่พอเรามาสอบเข้ามหาวิทยาลัยเราก็มุ่งไปเลยคณะเดียวสาขาเดียว แล้วก็สอบติดแล้วก็เรียนภาษาจีนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
มีมุมมองยังไงกับภาษาจีน ในตอนก่อนเรียนแล้วก็หลังเรียนคะ
ก่อนเรียนคิดว่ามันยากมากเลย เพราะเป็นภาษาอะไรก็ไม่รู้ที่อ่านไม่ออกถ้าไม่เรียนพินอิน เพราะเป็นภาษาภาพถ้าใครไม่เคยเรียนมาก่อนก็อ่านไม่ออก แล้วก็เขียนยาก จำยาก ต้องจำทั้งหมด 2 ชั้นทั้งพินอินแล้วก็ตัวจีน ทำให้ไม่อยากเรียนเพราะมันยากกว่าภาษาอังกฤษแล้วก็ภาษาอื่น ๆ เลย แต่พอมาสัมผัสจริง ๆ คือมันมีความหลากหลายมาก ๆ นอกจากการเขียน ความยากของมันก็ยังมีวัฒนธรรม มีอะไรอื่น ๆ เข้ามาผสมให้เรารู้สึกว่าถึงมันจะยากเนี่ยแต่มันก็น่าดึงดูดและน่าสนใจให้เราอยากจะเรียน พอเราเรียนไปแล้วหลังจากเรียนไปมันคุ้มค่ากับสิ่งที่เราเรียนมามาก ๆ เลย ถึงแม้ว่ามันจะยาก แต่หนึ่ง งานเราหาง่าย สองรายได้ของเราก็มีอะไรพิเศษมาเพิ่มเติมเยอะ อาจจะเยอะกว่าบางสาขาอาชีพ แต่โดยรวมเหล่าซือคิดว่ามันจะทำให้เราเป็นคนที่เก่ง ไม่ตกงานง่าย ๆ ไปที่ไหนก็ยังมีงานรองรับ
ประสบการณ์การเรียนภาษาจีน เรียนที่ไทยกับเรียนที่จีนมีความแตกต่างกันยังไง
เรียนที่ไทยกับเรียนที่จีนนะเหล่าซือคิดว่า เรียนที่ไทยสบายกว่า เพราะว่าเราเรียนกับครูคนจีนก็จริง หรือเรียนกับครูคนไทยก็แล้วแต่ที่ไทยคือมันเป็นบ้านเรา เราจะทำอะไรมันก็ง่าย พอเราไปเรียนที่จีนความกดดันมันสูงกว่าเนื่องจากครูคนจีนเป็นคนสอนด้วยตัวเองและทุกอย่างในชีวิตประจำว่าตั้งแต่ตื่นนอนมาเลยจนถึงเข้านอนมันต้องใช้ภาษาจีน มันเป็นสถานการณ์ที่บังคับและกดดันให้เราต้องเอาออกมาใช้ เรียนมาแล้วต้องใช้ ถ้าเราไม่ใช้เนี่ยก็ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้หรืออยู่ได้โดยมีความสุขเวลาที่เราไปเรียนที่จีน แต่ความกดดันตรงนั้นเนี่ยมันทำให้เราเก่งภาษาจีนได้เร็วกว่าที่อยู่ไทย เหล่าซือไม่ได้จะบอกว่าเรียนที่ไทยไม่ได้ภาษาจีนนะคะ แต่ว่าเหมือนว่าเราได้ทางทฤษฎีมากกว่าแต่พอไปที่จีน จะได้ทั้งทฤษฏีและปฏิบัติไปพร้อมกันเพราะเราได้ออกไปใช้จริง ๆ
ตั้งแต่เรียนภาษาจีนมาปัญหาและอุปสรรคของเหล่าซือคืออะไรคะ
ของเหล่าซือตอนแรกเลยคือเป็นคนความจำไม่ดี จำไม่แม่นเพราะการเขียนตัวอักษรจีนมันต้องจำให้แม่น เพราะจุดไหนเขียนผิดหรือลืมเติมไปแค่เส้นเดียวความหมายก็เปลี่ยนแล้ว มันเลยเป็นอุปสรรคอย่างมากเลยสำหรับคนที่ความจำไม่ค่อยดี พอได้เรียนเข้มข้นขึ้นฝึกหนักมากขึ้นในทุก ๆ วันมันจะทำให้เราจำได้โดยอัตโนมัติ มันทำให้รู้ว่าตรงนี้เคยผิดแล้วต่อมามันก็ยิ่งระวังว่าจุดนี้จะผิด ยิ่งฝึกยิ่งจะจำได้แล้วก็ภาษาจีนเราก็เก่งขึ้น ถ้าความจำไม่ดีก็ต้องอาศัยการฝึกฝนทุกวัน
มีเทคนิคในการเรียนภาษาจีนเฉพาะตัวของเหล่าซืออายมั้ยคะ
ส่วนใหญ่คิดว่าหนีไม่พ้นการท่องจำ แล้วก็ฝึกฝนเป็นประจำทุก ๆ วัน ย้ำในทุก ๆ วัน แต่ของเหล่าซือจะเป็นคนที่ ถ้าเรียนก็เคร่งกับการเรียน ก็จะนั่งอยู่แต่กับหนังสือ แล้วก็ต้องมีวิธีการคลายเครียด ก็คือต้องเรียนเป็นเวลาสมมุติว่าเราเรียนตั้งแต่ตอนเช้าถึงตอนเย็น ตอนเย็น ๆ เหล่าซือก็จะออกไปออกกำลังกาย ไปเที่ยว ไปคาเฟ่บ้าง ตลาดบ้างเพื่อให้ตัวเองผ่อนคลายแล้วค่อยกลับมาเรียนซ้ำอีกทีในช่วงเวลาที่เรากำหนดไว้เท่านั้นเอง (ก็คือแบ่งเวลาเวลาเรียนก็เรียนอย่างเต็มที่) ใช่ค่ะ เวลาเรียนก็เรียนอย่างเต็มที่ แต่พอหมดเวลาตรงนั้นปุ๊บ เราจะไปทำอะไรของเราก็ไปเลยเต็มที่ เราจะไปสุดเลย ไปเที่ยวไปเล่น ไปอะไรก็ตามแต่ แต่พอถึงเวลาที่เรากำหนดไว้แล้วเราก็กลับมาเรียนให้เต็มที่เหมือนเดิม (ก็คือต้องมีวินัยในตัวเองมาก ๆ ) ใช่ มีวินัยในตัวเอง แล้วก็ต้องมีเวลารีแล็กซ์ เพื่อให้เราไม่เครียด (ก็ต้องบาลานซ์กันให้ดีทั้งสองเรื่อง) นั่งเรียนอย่างเดียวไม่ได้ ต้องออกไปใช้ชีวิต อย่างตอนเรียนที่จีนก็ได้เอาออกไปใช้
พูดถึงตอนเป็นนักเรียนไปแล้ว ถึงตอนที่ต้องมาสอน มาสอนภาษาจีนที่ NPP Chinese Home ได้ยังไงคะ
ตอนมาสอนที่ NPP Chinese Home ต้องเริ่มตั้งแต่ยังเป็นนักศึกษา เริ่มเข้ามาสอนตอนที่เป็นนักศึกษาเรียนจบมาก็ยังสอนอยู่กับ NPP เหมือนเดิม ตอนนั้นมีรุ่นพี่ที่เคยสอนที่นี่อยู่แล้ว แต่ด้วยธุระของพี่เขาก็เลยให้เรามาสอนแทนก่อน หลังจากนั้นพี่เขาก็มีธุระจำเป็นที่ต้องลาออกเราก็เลยได้มีโอกาสมาสอนตรงนี้แทน แล้วก็มีโอกาสได้พัฒนาทำงานร่วมกับองค์กรนี้มาเรื่อย ๆ จนถึงทุกวันนี้
พอได้สอนแล้วเป็นยังไงบ้าง คลาสแรกเริ่มสอนคลาสสดก่อน เป็นยังไงบ้างคะ
ใช่ค่ะ เริ่มสอนคลาสสดก่อนจะมีนักเรียนมาเรียนในห้อง แล้วก็เป็นผู้สอนในห้องก็ต้องจัดเตรียมการสอนเตรียมใบงาน เตรียมเกมมาเล่นในห้อง การสอนสดกับการสอนออนไลน์แตกต่างกันมากเลย อย่างสอนสดเราได้เจอเด็กทุกวันได้เจอตลอดทุกวันเสาร์มันก็จะพูดง่ายได้ทำกิจกรรมเล่นเกมร่วมกัน พบปะกับเด็กได้พูดันตัวต่อตัวเลย
พอมาสอนออนไลน์ล่ะคะ
เหล่าซือคิดว่ามีความยาก มันต่างกันกับสอนสด อย่างสอนสดเราได้มาเจอเด็กตัวต่อตัวเลย แต่ว่ามาสอนออนไลน์ก็มีปัญหาอย่างอื่นด้วยในเรื่องของไฟ แสง สี เสียง เซ็ตหน้ากล้อง ครูผู้สอนก็ต้องเช็คระบบให้ดีก่อนสอนอันนี้เป็นความแตกต่าง ปัญหาอีกอย่างคือเราไม่ได้เจอเด็กไม่ได้อายคอนแท็ค เจอกันตัวต่อตัวกับนักเรียนก็ต้องสื่อสารกันผ่านคอมเมนต์ แต่ว่ามันมีข้อดีคือไม่ว่านักเรียนจะอยู่ที่ไหนก็สามารถเรียนภาษาจีนได้ตลอด เปิดดูได้ตลอด ก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป อย่างคลาสสอนสดถ้าขาดเรียนไปก็ขาดไปเลย คลาสออนไลน์มันสามารถย้อนดูได้ แล้วก็มีลูกเล่นเปิปคลิปเปิดเพลงสื่อวิดีโอต่าง ๆ เราก็สามารถใสส่ไปได้ให้มีสีสันได้มากกว่าด้วย
เตรียมตัวก่อนมาสอนยังไงบ้าง
การเรียนครูก็จะมีพื้นฐานการทำสื่อการเรียนการสอนอยู่บ้าง อาจจะเข้าร่วมกรุ๊ปที่มีสื่อการสอน ก็จะชอบเข้าไปร่วมกลุ่มไปดูว่าเขามีสื่ออะไรบ้างที่น่าสนใจ เกมเป็นพาวเวอร์พ้อยท์ แปลก ๆ ใหม่ ๆ พอถึงเวลาจะสอนก็จะไปดึงข้อมูลต่าง ๆ ไปดึงเกมต่าง ๆ มาจัดทำเป็นสื่อการสอนของเหล่าซือแล้วก็นำไปสอนต่อไป ก็หาข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ แล้วก็พัฒนาให้เป็นในรูปแบบของตัวเอง
เด็ก ๆ เป็นยังไงบ้างคะ
จากที่เรียนไปจะีเด็กบางคนที่ไม่เข้าใจตรงไหนก็จะทักส่วนตัวมาสอบถามหรือถามเราในคอมเมนต์ใต้คลิปหรือโพสต์นั้น ๆ เลย ถ้ามีข้อสงสัยก็จะถามเลยโดยตรงคือเขามีความกล้าที่จะสื่อสารกับครูถ้ามีปัญหาหรือไม่รู้ตรงไหน ในระดับยาก ๆ ก็คือได้คำศัพท์แน่นอนเพราะเหล่าซือจะเน้นย้ำเนื้อหาเป็นพิเศษ อย่างน้อยคิดว่า 80 เปอร์เซ็นต์ที่เข้าใจไวยากรณ์ อ่านตามได้
จากที่สอนมาจนถึงตอนนี้ จุดมุ่งหมายของเหล่าซืออายอยากให้นักเรียนได้อะไรจากเหล่าซือไปมากที่สุดคะ
อย่างน้อยก็สามารถสะกดอ่านพินอิน อ่านภาษาจีนได้ ถ้ามากที่สุดเลย นักเรียนที่เรียนในระดับ HSK4 หวังที่สุดคือให้สอบ HSK4 ผ่านในระดับคะแนน 180 ขึ้นไปหรือสูง ๆ เลย 200 คะแนนขึ้นไป อันนี้คือจุดมุ่งหมายในการสอนในหลักสูตร HSK4 แต่ถ้าเป็นหลักสูตร PAT7.4 หรือ พูดจีน 301 ประโยค คืออยากให้สื่อสารภาษาจีนพื้นฐานได้ หรือฟังคำสั่งพื้นฐานในห้องเรียน ในชีวิตประจำวันได้ เท่านี้ก็โอเคแล้ว
พูดถึงนักเรียนทั้งที่เคยเรียนกับเหล่าซืออายไปแล้ว กำลังเรียน แล้วก็จะมาเรียนกับเหล่าซือในอนาคตหน่อยค่ะ
ฝากถึงนักเรียนทุก ๆ คนเลยที่กำลังเรียน เคยเรียนด้วยกันมาก่อนเป็นลูกศิษย์รุ่นก่อน ๆ มา หรือที่จะเข้ามาเรียนด้วยกันในอนาคต อยากฝากว่าถ้านักเรียนชอบและใฝ่รู้ใฝ่เรียนรักในการเรียนภาษาจีนก็ขอให้ตั้งใจเรียนต่อไปขอมุ่งมั่นฝึกฝนทุกวัน อย่างที่บอกว่าทุก ๆ ภาษาต้องอาศัยการฝึกฝนเป็นประจำ แต่ฝึกฝนเรียน ๆ อย่างเดียวโดยที่ไม่แบ่งเวลา ไม่รีแลกซ์ตัวเองเรียนให้ตายก็ได้แต่ทฤษฎีอันนี้ ถ้าจำอย่างเดียวไม่ได้ใช่ ต้องแบ่งเวลาให้ชัดเจน เรียนเสร็จแล้วก็ต้องผ่อนคลายไปใช้ชีวิตด้วย โดยที่นำภาษาจีนออกไปใช้ถ้ามีเพื่อนคนจีนก็เอาภาษาจีนไปพูดกับเพื่อน เอาไปใช้หรือถ้าไม่มีเหล่าซือแนะนำให้หาเพื่อนในแอพลิเคชั่นต่าง ๆ เอาไปพูดหรือไปโพสต์ เอาภาษาออกไปใช้ นักเรียนก็จะได้ภาษาจีนมายิ่งขึ้นค่ะ ฝากถึงนักเรียนใหม่อยากให้มาเรียนด้วยกันเยอะ ๆ เลย นักเรียนก็จะได้ความรู้มากมายเลย ไม่จำเป็นเฉพาะวิชาของเหล่าซือนะ ของเหล่าซือคนอื่น ๆ ใน NPP ก็สามารถลงเรียนได้เลยนะคะ
เหล่าซืออายมีเพจเกี่ยวกับจีนด้วย แนะนำหน่อยค่ะ
เป็นเพจที่จะให้ความรู้ทั่วไปนะคะ เกี่ยวกับภาษาจีนไม่ได้จำกัดว่าเป็นด้านใดด้านหนึ่ง ใครที่อยากจะได้ความรู้ใหม่ ๆ เกี่ยวกับจีน จีนไปถึงไหนแล้ว ทำอะไรกันอยู่หรือคำศัพท์ก็มาติดตามได้ค่ะ เพจชื่อว่า 你是我的大礼 แปลเป็นภาษาไทยว่า คุณคือของขวัญล้ำค่าของฉัน
ลิงก์ : https://www.facebook.com/laoshieye/