Facebook
Twitter

 

 

มาทำความรู้จักกับเหล่าซืออีกคนของ NPP Chinese Home กันค่ะ ครั้งนี้เรามากับเหล่าซือป๊อปค่ะ นักเรียนรุ่นโต ๆ อาจจะไม่ค่อยคุ้นเท่าไหร่ แต่ถ้าเป็นรุ่นเล็ก ๆ ที่เรียนหลักสูตร YCT อาจจะคุ้นเคยกันดี ไปรู้จักกับเหล่าซือป๊อปให้มากกว่านี้กันดีกว่าค่ะ

 

แนะนำตัวหน่อยค่ะ

สวัสดีค่ะ เหล่าซือชื่อว่าเหล่าซือป๊อปนะคะ ชื่อจริงชื่อจันจิรา บรรจงหาร ส่วนชื่อภาษาจีนคือ ซินเยว่ ค่ะ

 

ตอนนี้สอนวิชาอะไรอยู่บ้างคะ

ตอนนี้สอน YCT 1 คลาสออนไลน์ แล้วก็มีคลาสแยก Small Group ใน Google Meet

 

 

เหล่าซือเรียนจบจากที่ไหนคะ

เรียนจบจากมหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ค่ะ คณะครุศาสตร์สาขาการสอนภาษาจีน แล้วก็ไปเรียนแลกเปลี่ยนมหาวิทยาลัยฉวี่จิ้ง นอร์มอลยูนิเวอร์ซิตี้ค่ะ

 

เริ่มต้นเรียนภาษาจีนได้ยังไง

เริ่มต้นเรียนภาษาจีนโดยที่ได้สอบเข้าที่โรงเรียนดัดดรุณีค่ะ ได้เรียนห้องของภาษาจีนกับศิลป์ภาษาญี่ปุ่น ทางโรงเรียนให้เลือกเรียนระหว่างภาษาจีนกับภาษาญี่ปุ่น แล้วเราก็เลือกเรียนภาษาจีนค่ะ

 

 

ตอนนั้นมีมุมมองยังไงเกี่ยวกับภาษาจีน ทำไมถึงเลือกที่จะเรียนภาษาจีน แทนที่จะเรียนภาษาญี่ปุ่นคะ

ตอนนั้นไม่ได้มีมุมมองอะไรเลย ไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาจีนเลย ไม่เคยเรียน ไม่มีพื้นฐานแล้วก็ไม่ได้เรียนพิเศษเลยด้วยค่ะ ได้มาเรียนที่ดัดดรุณีโดยตรงเลย ก็คือคิดว่าภาษาจีนน่าจะไปได้ไกลกว่าภาษาญี่ปุ่น เพราะว่าดูจากการลงทุน ทัวร์ต่าง ๆ คนจีนจะมาประเทศไทยเยอะก็เลยเลือกที่จะเรียนภาษาจีนค่ะ

 

แล้วพอได้เรียนไปแล้วช่วงม.ปลาย เป็นยังไงคะ

ตอนแรกที่เริ่มเรียนเลย ก็งง ๆ ตอนพินอิน เพราะเราไม่เคยเรียนภาษาจีนมาเลย พอเราได้มาเรียนแล้วเริ่มปีแรกเทอมแรกของม.4 ได้เรียนพินอินเราก็คิดว่ามันยาก เพราะว่าภาษาอังกฤษเราก็ไม่ได้ เราอ่านอังกฤษไม่ออก(หัวเราะ) แล้วพอเรียนภาษาจีนไปเรื่อย ๆ เรากลับได้เกรด 4 มา เราเลยคิดว่า ภาษาจีนคงเหมาะกับเรา ก็เลยสานต่อมาเรื่อย ๆ ค่ะ

 

 

จนถึงระดับมหาวิทยาลัย ทำไมถึงเลือกที่จะเรียนภาษาจีนต่อ

ที่เลือกเรียนต่อเพราะว่าตอนนั้นภาษาจีนกำลังบูม มีข่าวว่าคนจีนจะมาลงทุนในประเทศไทยเยอะ ทางครอบครัวก็คิดว่าการที่เราเรียนภาษาจีนจะทำให้เรามีทางเลือกในอาชีพเยอะ อาจจะได้เป็น ไกด์ เป็นครู หรือเป็นล่ามตามโรงงานต่างๆ โอกาสมันได้มากกว่าการเรียนสาขาอื่น

 

แล้วก็ประสบการในเรียนภาษาจีน เรียนในไทยกับเรียนที่ประเทศจีน แตกต่างกันยังไง

ถ้าเรียนที่ไทยส่วนใหญ่เราใช้ภาษาไทยมากกว่า ถ้าจะให้ได้จีนจริง ๆ เลยก็ต้องเป็นตอนที่เรียนปี 3 ไปเรียนแลกเปลี่ยนที่จีนอันนั้นเราต้องใช้ความสามารถทางภาษาจีนล้วน ๆ สั่งอาหารก็ต้องภาษาจีน คุยกับคนจีน ไปวันแรกก็คือเราไม่รู้เรื่องเลย เราจะมีประสบการณ์ตรงที่เราคุยกับคนจนแล้วเขาไม่รู้เรื่อง เขาก็บอกว่าคุณต้องพัฒนามากกว่านี้นะ มันก็เลยเป็นแรงกดดดันว่าเราต้องได้ภาษาจีนให้ดีกว่านี้ ถ้าถามว่าที่ไทยกับที่จีนที่ไหนได้ภาษาจีนมากกว่ากัน การเรียนที่จีนได้เยอะกว่าค่ะ หลังจากกลับมาก็คือพูดภาษาจีนได้คล่อง

 

 

การไปอยู่ที่จีนมีปัญหาบ้างมั้ยคะ หรือไปเจอคัลเจอร์ช็อกอะไรที่นั่นบ้าง

อันแรกเลยคือเราฟังเขาได้ แต่เราตอบเขาไม่รู้เรื่อง ก็จะเป็นแรงกดดันว่าเราต้องทำให้ได้ต้องลบคำสบประมาทให้ได้ แล้วก็การกิน เราคิดว่าอาจจะกินอะไรไม่ได้แต่กลับกลายเป็นว่าเรากินได้ทุกอย่าง กลายเป็นชอบด้วยซ้ำ อยากกลับไปอีกด้วยค่ะ

 

ตั้งแต่เรียนภาษาจีนมา ปัญหาและอุปสรรคใหญ่ ๆ ของเราในการเรียนภาษาจีนคืออะไรคะ

ปัญหาใหญ่เลยคือเราไม่ท่องคำศัพท์ เราไม่ใช่คนที่ชอบอ่านหนังสือเยอะ แต่ว่าชอบที่จะฟังเหล่าซือสอนมากกว่า ถ้าถามว่าได้จากไหนคือได้ตอนที่ฟังเหล่าซือสอน เราจะจำได้แค่เหล่าซือสอนว่าใช้อย่างนี้นะ ปัญหาที่ใหญ่คือเราไม่ไปอ่านหนังสือต่อ มันก็เลยกลายเป็นว่าเราจะไม่รู้อะไรนอกจากที่เหล่าซือสอน ก็ได้แค่เท่านั้น ไม่ได้ทบทวนจบแค่ในห้อง

 

มีการแก้ปัญหานี้ยังไงคะ

แก้ปัญหาด้วยการฟังเหล่าซือให้เข้าใจ หรือถ้าไม่เข้าใจก็ถามเหล่าซือ ณ ตรงนั้น ถามเลยให้กระจ่าง ก็คือหาคำตอบโดยทันทีไม่ปล่อยทิ้งเอาไว้ให้มันคาใจ

 

มีเทคนิคในการเรียนเฉพาะตัวของตัวเองมั้ยคะ

ดูซีรีส์ ฟังเพลง คุยกับคนจีน หาเพื่อนคุยแล้วก็อ่านหนังสือช่วงกลางคืนจะทำให้จำง่ายค่ะ

 

 

พูดถึงการเรียนไปแล้วมาถึงในส่วนของการเป็นครู เริ่มต้นมาสอนภาษาจีนได้ยังไง

คือมีพี่ที่รู้จักกันมาชวน ตอนแรกกะว่าไม่ได้จะมาสอนหรอก อยากทำงานล่าม แต่ว่าพี่ที่รู้จักกันชวนมาว่าที่โรงเรียนนี้อยากได้ครูสอนภาษาจีนแล้วก็สอนเด็กอนุบาล เด็กเล็ก เราก็คิดว่าเด็ก ๆ ก็น่ารักดีพอมาสอนก็ติดใจแล้วก็สอนต่อมาเรื่อย ๆ

 

พอได้สอนแล้วเป็นยังไงคะ ตอนคลาสแรก

คลาสแรกเป็นออนไลน์เลยค่ะ มาสอนช่วงโควิดรอบสอง เราก็จะมีอุปสรรคที่ไม่เก่งเรื่องเทคนิค การใช้เทคโนโลยีไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาของเราได้ แต่ก็มีพี่ ๆ ช่วยกันแก้ปัญหาตรงนั้นให้

 

เตรียมตัวก่อนสอนยังไงบ้าง

เราจะดูคำศัพท์อันดับแรก เพราะคำศัพท์เป็นพื้นฐานของประโยคต่าง ๆ ถ้าเราได้คำศัพท์หนึ่งคำ เราสามารถแปลงคำศัพท์เป็นประโยคได้หลาย ๆ อย่างโดยที่เอาไปแก้ตรงนั้นนิด ตรงนี้หน่อย ดูวิธีการใช้ให้มันง่ายต่อเด็ก โดยที่เด็กไม่ต้องจำเยอะ ไม่ต้องซับซ้อน ให้เด็กเข้าใจได้ง่าย ๆ

 

 

เห็นว่าเหล่าซือป๊อปจะมีโปรแกรมนั้นโปรแกรมนี้ มีเกมมาให้เด็ก ๆ เล่นเป็นประจำเลยหามาจากไหนคะ

ช่วงทดลองสอน พวกพี่ ๆ เขาก็จะมาบอกว่ารู้จักแอปนี้มานะ แนะนำให้ใช้ หรือน้องที่มาทดลองสอนก็มาแนะนำ ลองใช้มั้ยเราก็จะเอาที่ถูกแนะนำมาลองใช้ เอามาประยุกต์ใช้กับเด็กที่เราสอน ถ้าเกิดว่าเด็กเข้าใจเราก็เอามาต่อยอดตรงนั้นได้

 

พอสอนมาระยะหนึ่งแล้วเป็นยังไงบ้าง เรามีการปฏิสัมพันธ์กับเด็กยังไง

สอนไปสักพักเราจะจับจุดได้ว่าเด็กไม่ชอบการเรียนที่เครียดเกินไป เด็กจะชอบการเรียนที่เรียนแล้วสนุกสนาน ทำให้เขาจำได้ไง เราก็เลยคิดว่าถ้ามีเกมเด็กอาจจะมีการพัฒนาได้มากกว่าการเรียนแบบต้องจดค่ะ

 

 

จุดมุ่งหมายของการสอน เหล่าซืออยากให้นักเรียนได้อะไรไปจากเรามากที่สุดคะ

ตอนนี้อยากให้เด็ก ๆ เปิดใจให้ภาษาจีน เพราะว่าภาษาจีนเนี่ยมีความสำคัญกับคนไทยเยอะเหมือนกัน การเรียนภาษาจีนทำให้เราเอาไปต่อยอดอะไรได้หลายอย่างตอนนี้เด็ก ๆ ที่เรียนด้วยก็เป็นเด็กเล็ก ถ้าเกิดว่าถ้าได้ภาษาจีนตั้งแต่ตอนนี้ ตอนไปเรียนม.ปลาย หรือมหาวิทยาลัย เขาอาจจะไปได้ไกลมากกว่านี้ อาจจะเก่งกว่าเหล่าซือด้วยซ้ำ

 

พูดถึงนักเรียนของเหล่าซือหน่อยค่ะ ทั้งที่เคยเรียน กำลังเรียนอยู่ และที่จะเข้ามาเรียนด้วยในอนาคตค่ะ

เด็กที่เรียนกับเหล่าซือตอนนี้เด็ก ๆ มีความตั้งใจที่จะรับภาษาจีนจากเรา มีความตั้งใจ อยากให้เด็ก ๆ พยายามอย่างเต็มที่ ถ้ามีใจรักในภาษาจีน เด็ก ๆ ที่จะเข้ามาเรียนก็ไม่อยากให้ถูกบังคับมา แต่ถ้ามีความตั้งใจอยากเรียนจริง ๆ มีใจรักจริง ๆ ทุกอย่างก็ไปได้หมดเลยค่ะ